Intira edtech53
ยินดีแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับทุกท่านค่ะ
วันเสาร์ที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
หัวข้องานวิจัยที่สนใจ (รุ่นพี่ ป.เอกช่วยวิพากษ์)
โรงเรียนอนุบาลชลบุรี
2. การพัฒนารูปแบบการสอนคณิตศาสตร์โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน (Problem based learning) เพื่อพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์
ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนอนุบาลชลบุรี
วันอาทิตย์ที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2553
เทคโนโลยีทางการศึกษาหมายถึงอะไร
หากเมื่อกล่าวถึงเทคโนโลยี ผู้คนจะพุ่งเป้าไปที่เครื่องไม้เครื่องมือ วัสดุอุปกรณ์ที่ทันสมัย เครื่องมืออิเลคทรอนิกส์ต่าง ๆ นั่นเป็นเพียงการมองแต่กระพี้ ยังมองไม่ถึงแก่นของเทคโนโลยีอย่างแท้จริง แท้จริงแล้วเทคโนโลยี ประกอบไปด้วยสิ่งที่เป็นวัสดุอุปกรณ์ และกระบวนการจัดการที่เป็นระบบ ที่นำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ในทุกวงการ เมื่อนำมาใช้ในวงการศึกษา ก็เรียกว่า"เทคโนโลยีทางการศึกษา" เป็นต้น
คำสำคัญที่น่าสนใจ "Technology in education" กับ "Technology of education"
เทคโนโลยีเพื่อการศึกษา (Technology in Education) หมายถึง การนำเทคโนโลยีด้านต่าง ๆ
เข้ามาประยุกต์ใช้เพื่อประโยชน์ในการจัดการศึกษา การจัดการเรียนการสอน เพื่อให้การศึกษาการสอนการเรียนมีคุณภาพ และมีประสิทธิภาพ เทคโนโลยีที่นำมาใช้ในการศึกษา ได้แก่เทคโนโลยีต่าง ๆ ดังนี้
1. เทคโนโลยีสื่อสารโทรคมนาคม คือ เทคโนโลยีที่เกี่ยวกับการสื่อสารทางไกลโดยผ่านระบบการสื่อสารคมนาคมต่าง ๆ
2. เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ ซึ่งใช้คอมพิวเตอร์ในการรับข้อมูล ประมวลผลข้อมูลและนำเสนอข้อมูลตามที่ผู้ใช้ต้องการ
3. เทคโนโลยีเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ซึ่งแบ่งเป็นประเภทใหญ่ ๆ ได้แก่ เครือข่ายเฉพาะที่ (Local Area Network-LAN) เป็นระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กที่ต่อเชื่อมคอมพิวเตอร์กับอุปกรณ์ไม่มากนัก มักอยู่ในอาคารหลังเดียว เครือข่ายบริเวณกว้าง (Wide Area Network-WAN) เป็นระบบเครือข่ายที่มีคอมพิวเตอร์กระจายอย่างกว้างขวางทั่วประเทศ ช่วยให้สำนักงานในจังหวัดติดต่อสื่อสารและทำงานร่วมกับสำนักงานใหญ่ที่อยู่ ในเมืองหลวงได้
4. ระบบสำนักงานอัตโนมัติ เป็นแนวคิดที่นำระบบเครือข่ายมาใช้เชื่อมโยงคอมพิวเตอร์กับอุปกรณ์สำนักงาน เช่น ระบบไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ ระบบประชุมทางไกล
5. เทคโนโลยีระบบสารสนเทศ เป็นการประมวลผลข้อมูลในลักษณะต่าง ๆ เพื่อช่วยในการจัดการและบริหารงาน
6. ระบบมัลติมีเดีย เป็นเทคโนโลยีที่ผสมผสานภาพ ภาพเคลื่อนไหว เสียง และข้อความเข้าด้วยกันโดยใช้ระบบคอมพิวเตอร์ช่วยในการแสดงผล นำไปประยุกต์ใช้ในการสอน เช่น คอมพิวเตอร์ช่วยสอน (CAI) กิจกรรมเพื่อการศึกษาที่ใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วย ในปัจจุบันนี้ได้แก่ วิทยุกระจายเสียงเพื่อการศึกษา วิทยุโรงเรียน โทรทัศน์เพื่อการศึกษา การสอนทางไกลผ่านดาวเทียม ระบบประชุมทางไกล ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ เช่น เครือข่ายอินเทอร์เน็ต ในบทความผู้เขียนได้กล่าวถึงความสำคัญของเทคโนโลยีเพื่อการศึกษาที่มีในพระ ราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พุทธศักราช 2542 และประวัติการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการศึกษาของไทยไว้ด้วย
ที่มา : ชม ภูมิภาค, เทคโนโลยีเพื่อการศึกษา, เทคโนโลยีสื่อสารการศึกษา, ปีที่ 4 ฉบับที่ 1 หน้า 15-17 2543
ความหมายของการวิจัย
“ท่านมีความเข้าใจเกี่ยวกับการวิจัยอย่างไร”
การวิจัย คือ กระบวนการค้นหาความรู้ ข้อเท็จจริง อย่างมีระเบียบ มีกฎเกณฑ์ในการรวบรวมข้อมูล วิเคราะห์และแปลความข้อมูล เพื่อแสวงหาคำตอบ สำหรับคำถามหรือประเด็นการศึกษาที่ตั้งไว้ ด้วยกระบวนการ อันเป็นที่ยอมรับ ในแต่ละสาขาวิชา ซึ่งในทางวิทยาศาสตร์การแพทย์ นิยมใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เพราะเชื่อว่าวิธีนี้มีความถูกต้อง เชื่อถือได้มากที่สุด
ความหมายของการวิจัย
คำว่า การวิจัย มาจากคำว่า Research มีรากศัพท์มาจาก Re + Search
Re แปลว่า ซ้ำ
Search แปลว่า ค้น
ดังนั้น Research แปลว่า ค้นคว้าซ้ำแล้วซ้ำอีก ซึ่งน่าจะหมายถึง การค้นหาความรู้
ความจริง ค้นแล้วค้นอีก ซึ่งจะทำให้ได้รับรู้ความรู้ความจริงที่น่าเชื่อถือ ถูกต้อง เพราะมีข้อมูล
ที่เพียงพอต่อการสรุปเป็นความรู้ความจริงนั้น ๆ
ความ หมายของการวิจัยตามพจนานุกรม การวิจัย คือ การค้นคว้าเพื่อหาข้อมูลอย่างถี่ถ้วนตามหลักวิชา (พจนานุกรม. 2525)
ความหมายการวิจัยของ Best การวิจัย คือ การวิเคราะห์และบันทึกการสังเกต ภายใต้การควบคุมอย่างเป็นระบบ และเป็นปรนัย ซึ่งอาจนำไปสู่การสร้างทฤษฎี หลักการหรือการวางนัยทั่วไป
ความหมายการวิจัยของจริยา เสถบุตร การวิจัย คือ การค้นคว้าความรู้อย่างมีระบบและแบบแผน เพื่อให้เกิดความก้าวหน้าทางวิชาการหรือเกิดประโยชน์แก่มนุษย์ โดยอาศัยวิธีการที่เป็นที่ยอมรับ ในแต่ละสาขาวิชา
ความหมายการวิจัยของ บุญชม ศรีสะอาด กระบวนการค้นคว้าหาความรู้ที่เชื่อถือได้มีลักษณะดังนี้
1. เป็นกระบวนการที่มีระบบ
2. มีจุดมุ่งหมายที่แน่นอนและชัดเจน
3. ดำเนินการศึกษาค้นคว้าอย่างรอบคอบ ไม่ลำเอียง
4. มีหลักเหตุผล
5.บันทึกและรายงานออกมาอย่างระมัดระวัง
สรุปความหมายการวิจัย
การวิจัยคือ กระบวนการหาความรู้ความจริงใหม่ ที่มีระบบแบบแผนตามหลักวิชา อาศัยหลักเหตุผล ที่รอบคอบ รัดกุม ละเอียดและเชื่อถือได้ และความรู้ความจริงนั้นจะนำไปเป็นหลักการ ทฤษฎี หรือ ข้อปฏิบัติที่ทำให้มนุษย์ได้รับรู้และนำไปใช้เพื่อให้สามารถดำรงชีวิต
ด้วยความสงบสุขหรือป้องกันและหลีกเลี่ยงภัยอันตรายต่าง ๆ ได้
'การวิจัย' ตรงกับคำภาษาอังกฤษว่า Research แปลว่าค้นหาซ้ำหรือการสืบค้นใหม่
ในที่ประชุม Pan Pacific Science Congress ค.ศ.1961 ในประเทศสหรัฐอเมริกา ได้แยกความหมายของ RESEARCH ไว้ดังนี้
R = Recruitment and Relationship หมายถึง การวิจัยต้องเป็นการรวบรวมข้อมูลและข้อเท็จจริงและการศึกษาหาความเกี่ยวข้องกันของสิ่งเหล่านั้น
E = Education and Efficiency หมายถึง การวิจัยเป็นกระบวนการศึกษาทำให้ได้ความรู้และนำความรู้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์
S = Science and Stimulation หมายถึง การวิจัยต้องเป็นระบบ อธิบายได้ตรวจสอบได้และกระตุ้นให้เกิดการริเริ่มในเรื่องต่างๆ
E = Evaluation and Environment หมายถึง การวิจัยช่วยให้สามารถประเมินปัญหาที่มีอยู่และแสวงหาประโยชน์ไปใช้ในการปรับปรุงพัฒนาสภาพความเป็นอยู่ให้ดีขึ้น
A = Aim and Attitude หมายถึง การวิจัยต้องมีจุดมุ่ง หมายที่ชัดเจนและต้องการผู้มีเจตคติที่ดีต่อการวิจัย
R = Result หมายถึง ผู้วิจัยต้องยอมรับผลการวิจัยที่ได้มาด้วยกระบวนการหรือวิธีการที่เป็นระบบ
C = Curiosity หมายถึง การวิจัยเกิดขึ้นจากความอยากรู้อยากเห็นของมนุษย์ ผู้วิจัยต้องมีคุณสมบัติอยากรู้อยากเห็นจึงทำวิจัยเพื่อขยายวงวิทยาการ
H = Horizon หมายถึง การวิจัยช่วยขยายขอบเขตความรู้ของมนุษย์ให้
บรรณานุกรม
จริยา เสถบุตร. ระเบียบวิธีวิจัยทางการศึกษา. ขอนแก่น: คณะศึกษาศาสตร์มหาวิทยาลัย
ขอนแกน, 2526.
บุญชม ศรีสะอาด . การวิจัยเบื้องต้น พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ : ชมรมเด็ก, 2535
วันจันทร์ที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2553
ท่านคิดว่าการจะพัฒนาคุณภาพการศึกษาควรเริ่มที่ใครก่อน
บทความ
“ท่านคิดว่าการจะพัฒนาคุณภาพการศึกษาต้องเริ่มที่ใครก่อน”
คนเป็นทรัพยากรมนุษย์ที่ล้ำค่า และประเสริฐที่สุด ล้ำค่ากว่าทรัพยากรอื่นใดในโลก มีคุณค่าในตนเอง และสามารถถ่ายทอดคุณค่านั้นเพื่อประโยชน์ต่อการสร้างสรรค์สังคมได้ หากคนได้รับการพัฒนาศักยภาพด้านต่างๆ รวมทั้งการปลูกฝังความรู้ ความเข้าใจ ทัศนคติต่างๆ ในทางบวก ความมีคุณธรรมจริยธรรมในตนเอง ให้เห็นแก่ประโยชน์สุขของส่วนรวมและประเทศชาติ
การศึกษาเป็น กระบวนการที่จะช่วยให้คนได้รับพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต ในประเทศ
ที่พัฒนาแล้ว การพัฒนาศักยภาพของคนจะต้องนำหน้าการพัฒนาประเทศ ดังตัวอย่างประเทศที่ประสบผลสำเร็จในการพัฒนาแล้ว เช่น สหรัฐอเมริกา , อังกฤษ , เยอรมัน , ญี่ปุ่น , เกาหลี , ฮ่องกง , สิงคโปร์ ประเทศเหล่านี้ได้ทุ่มเทและลงทุนพัฒนาคนในชาติก่อน ประเทศจึงเริ่มเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว ซึ่งผลเหล่านี้มาจากการปฏิรูประบบการศึกษาอย่างมีประสิทธิภาพ โดยให้การศึกษาเป็นตัวนำในการพัฒนาประเทศในด้านต่างๆ
บุคคลที่มีความสำคัญยิ่งต่อการพัฒนาคุณภาพการศึกษานั้น ควรจะเป็นบุคคลที่มีหน้าที่ รับผิดชอบในด้านวงการศึกษา ทุกท่าน เช่น ครูผู้ปฏิบัติ ผู้บริหารสถานศึกษา บุคลากรทางการศึกษาทุกท่าน เหล่านี้ ล้วนมีส่วนสำคัญยิ่งต่อการพัฒนาคุณภาพการศึกษาในด้านต่างๆ และบุคคลที่ขาดไม่ได้ มีส่วนสนับสนุนในด้านการศึกษาเช่น องค์กรชุมชน ผู้ปกครองนักเรียน ฯลฯ ก็มีส่วนสำคัญเป็นอย่างยิ่ง จะมุ่งตรงไปที่คนใดคนหนึ่งไม่ได้ ทุกอย่างต้องเกี่ยวโยงสัมพันธ์กันเป็นลูกโซ่อย่างเป็นระบบ และทำด้วยความจริงจัง จริงใจ มุ่งมั่นในการปฏิรูปการศึกษาทั้งระบบ จึงจะพัฒนาคุณภาพการศึกษาไปได้ด้วยดี โดยเฉพาะรัฐบาลจะเห็นได้ว่า หลายรัฐบาลที่ผ่านมา มีการเปลี่ยนแปลงรัฐมนตรีผู้รับผิดชอบทางด้านการศึกษาบ่อยครั้ง ทำให้นโยบายต่างๆ นั้นขาดความต่อเนื่อง ได้รับผลกระทบหลายด้าน ดังที่ทราบกันเป็นอย่างดีแล้ว
ร.ต.อ.หญิงอาภรณ์ รัตน์มณี อาจารย์ (สบ1) กลุ่มงานวิชาการ ศูนย์ฝึกอบรมตำรวจภูธรภาค 8 ได้เขียนบทความ ถึงสาเหตุที่ทำให้การศึกษาของไทยพัฒนาช้า วิเคราะห์และสรุป ไว้อย่างน่าสนใจ ซึ่งผู้เขียนได้คัดเฉพาะประเด็นที่สำคัญ ได้ 3 ประเด็นดังนี้
1. ระดับนโยบาย ในเรื่องที่เกี่ยวกับนโยบาย ซึ่งเป็นระดับประเทศ จะเห็นได้ว่ารัฐบาลหลายยุคให้ความสำคัญกับเรื่องการศึกษาระดับรองเมื่อเทียบกับปัญหาด้านอื่นๆ ความจริงแล้วเรื่องปัญหาการศึกษาถือเป็นปัญหาที่สำคัญและเร่งด่วนของประเทศ
2. ระดับผู้ปฏิบัติ อันดับแรกก็ต้องนึกถึงครู ผู้ให้ความรู้ประสิทธิ์ประสาทวิชา ในอดีต ครูเป็นอาชีพที่สำคัญมีเกียรติ แต่ปัจจุบัน จะเห็นได้ว่าจากการสอบเข้าอะไรไม่ได้ก็ไปเรียนครู ทำให้ผู้ที่ต้องการจะมาเป็นครูจริงๆมีน้อยลงทุกวัน เมื่อไม่มีจิตวิญญาณของความเป็นครู การสอนที่ให้ได้ประสิทธิภาพก็น้อยลงตามลำดับ และครูบางส่วนก็สนใจการทำผลงานทางวิชาการมากกว่าการสอนเด็ก ดังจะเห็นได้จากผลสัมฤทธิ์นักเรียน , ผลการสอบ โอเนต ,เอ็นที สวนทางกับวิทยะฐานะและความก้าวหน้าของครู สิ่งเหล่านี้จึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้การศึกษาของไทยพัฒนาช้า
3. ระบบการศึกษาของไทย เริ่มต้นมาจากวัฒนธรรมของคนไทย ซึ่งได้รับการสั่งสอนมาตั้งแต่โบราณให้เคารพเชื่อฟัง ครูบาอาจารย์ จะเห็นได้ว่ามีวันไหว้ครู การเรียนการสอนต้องเชื่อฟังครูอย่างเดียว ทำให้เด็กคิดวิเคราะห์ สังเคราะห์ด้วยตนเองไม่ได้ ปัจจุบันก็กำลังปรับอยู่ ถือเป็นสิ่งที่ดี การเรียนการสอนในโรงเรียนก็ไม่มีมาตรฐานเดียวกัน ในโรงเรียนสอนไม่เต็มที่ เพราะต้องการให้เด็กมาเรียนพิเศษ อันนำมาซึ่งรายได้พิ่ม สถาบันกวดวิชา เพิ่มขึ้นอย่างมากมาย หากมีระบบการศึกษาดี ในโรงเรียน เด็กก็จะไม่ต้องเรียนพิเศษกันอย่างมากมาย
สรุป “การพัฒนาคุณภาพการศึกษาต้องเริ่มต้นที่ใครก่อน” นั้น จากปัญหาที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น
มีสาเหตุหลายประการที่ทำให้การพัฒนาการศึกษาของไทย ยังไปไม่ถึงฝั่ง พัฒนาได้ช้า การแก้ปัญหาการศึกษา บุคคลากรที่เกี่ยวข้อง จะต้องร่วมมือ ร่วมใจกันทั้งระบบ เริ่มตั้งแต่ระดับนโยบาย ผู้ที่จะมากำกับดูแลงานด้านการศึกษา ควรเป็นผู้ที่มีความรู้เป็นอย่างดีในด้านการศึกษา มีความจริงใจ จริงจัง ที่จะแก้ปัญหาอย่างแท้จริง ไม่เป็นเพียงนโนบายที่เขียนไว้อย่างโก้หรู แต่ปฏิบัติจริงไม่ได้ ควรให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกของการพัฒนาประเทศ เพราะเด็กในวันนี้ก็คือผู้ที่จะกำอนาคตของชาติบ้านเมืองไว้ในวันข้างหน้า ประเทศชาติฝากความหวังไว้กับเด็ก ๆ เหล่านี้ ผู้เขียนคิดว่ายังไม่สายเกินไป ที่ทุกๆ ฝ่ายที่มีหน้าที่ จะหันมา
อันเป็นที่รักยิ่งของเรา..........